เพิ่มยอดขายด้วย Revenue Management: กลยุทธ์การตั้งราคาห้องพักให้โดนใจลูกค้า
ในโลกธุรกิจโรงแรมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การตั้งราคาห้องพักอย่างเหมาะสมเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ กลยุทธ์ Revenue Management หรือการบริหารรายได้ จึงเข้ามามีบทบาทในการช่วยให้โรงแรมสามารถเพิ่มรายได้สูงสุด ด้วยการตั้งราคาห้องพักที่โดนใจลูกค้าในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายและทำให้ธุรกิจเติบโตในตลาดที่มีการแข่งขันสูง การใช้กลยุทธ์การตั้งราคาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
1.
Revenue Management คืออะไร?
2.
ทำไม Revenue Management ถึงสำคัญ?
3.
5 กลยุทธ์การตั้งราคาห้องพักให้โดนใจลูกค้า
4.
เครื่องมือช่วยใน Revenue Management
1. Revenue Management คืออะไร?

Revenue Management หรือการบริหารรายได้ คือกระบวนการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้า และปรับราคาห้องพักให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในแต่ละช่วงเวลา โดยมีเป้าหมายหลักคือการขายห้องพักในราคาที่ดีที่สุด เพื่อเพิ่มรายได้สูงสุดให้กับโรงแรม
2. ทำไม Revenue Management ถึงสำคัญ?

ในสภาพตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การตั้งราคาห้องพักแบบคงที่ อาจทำให้โรงแรมพลาดโอกาสในการเพิ่มรายได้ หรือสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน Revenue Management ช่วยให้โรงแรมสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โรงแรมสามารถเพิ่มยอดขาย ลดการพึ่งพา Online Travel Agencies (OTAs) และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าในระยะยาว
3. 5 กลยุทธ์การตั้งราคาห้องพักให้โดนใจลูกค้า

1. Dynamic Pricing (การตั้งราคาแบบยืดหยุ่น)
Dynamic Pricing คือการปรับราคาห้องพักตามปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อความต้องการของตลาด เช่น ฤดูกาล, วันหยุด, เหตุการณ์สำคัญ, ความต้องการของลูกค้า หรืออัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) การตั้งราคาแบบยืดหยุ่นช่วยให้โรงแรมสามารถแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์ และเพิ่มโอกาสในการขายห้องพักได้มากขึ้น
ตัวอย่างเช่น ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว หรือช่วงที่มีการจัดงานสำคัญในพื้นที่ โรงแรมสามารถปรับราคาห้องพักให้สูงขึ้น เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ในช่วงนอกฤดูกาล หรือช่วงที่อัตราการเข้าพักต่ำ โรงแรมสามารถปรับราคาห้องพักให้ต่ำลง เพื่อกระตุ้นการจอง
2. Personalized Pricing (การตั้งราคาเฉพาะบุคคล)
Personalized Pricing คือการนำข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้ามาวิเคราะห์ เพื่อเสนอราคาที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย เช่น ส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าที่เคยเข้าพัก หรือราคาพิเศษสำหรับสมาชิกโปรแกรม Loyalty การตั้งราคาแบบ Personalized ช่วยให้โรงแรมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการจองซ้ำ
ตัวอย่างเช่น โรงแรมอาจเสนอราคาห้องพักพร้อมอาหารเช้าฟรี สำหรับลูกค้าที่เคยเข้าพัก และเลือกห้องพักประเภทหนึ่งเป็นประจำ หรือเสนอส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิกโปรแกรม Loyalty ที่มีการจองห้องพักหลายครั้ง
3. Segment-Based Pricing (การตั้งราคาตามกลุ่มเป้าหมาย)
Segment-Based Pricing คือการแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มตามลักษณะต่างๆ เช่น นักธุรกิจ, นักท่องเที่ยว, ครอบครัว, หรือกลุ่มลูกค้าที่เดินทางมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ แล้วกำหนดราคาที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละกลุ่ม
ตัวอย่างเช่น โรงแรมอาจมีราคาห้องพักพิเศษสำหรับนักธุรกิจ ที่มาพักเพื่อเข้าร่วมการประชุม หรือราคาห้องพักสำหรับครอบครัว ที่มาพักผ่อนในช่วงวันหยุด
4. Early Bird และ Last-Minute Deals
Early Bird Deals คือการเสนอราคาพิเศษสำหรับการจองล่วงหน้า เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจจองของลูกค้า และช่วยให้โรงแรมสามารถคาดการณ์อัตราการเข้าพักได้ล่วงหน้า ในขณะที่ Last-Minute Deals คือการเสนอราคาสุดคุ้มสำหรับการจองในนาทีสุดท้าย เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายห้องพักที่เหลือ
ตัวอย่างเช่น โรงแรมอาจเสนอส่วนลด 10% สำหรับลูกค้าที่จองห้องพักล่วงหน้า 30 วัน หรือเสนอราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองห้องพักภายใน 24 ชั่วโมงก่อนวันเข้าพัก
5. การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis)
การวิเคราะห์คู่แข่ง คือการเปรียบเทียบราคากับโรงแรมคู่แข่งในพื้นที่เดียวกัน เพื่อให้โรงแรมสามารถปรับราคาห้องพักให้สามารถแข่งขันได้ โดยไม่ลดทอนคุณภาพของสินค้าและบริการ การวิเคราะห์คู่แข่งช่วยให้โรงแรมเข้าใจสถานะของตัวเองในตลาด และปรับกลยุทธ์การตั้งราคาให้เหมาะสม
ตัวอย่างเช่น หากโรงแรมพบว่าคู่แข่งมีราคาห้องพักที่ต่ำกว่า โรงแรมอาจพิจารณาปรับราคาห้องพักให้ต่ำลง หรือเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ เพื่อดึงดูดลูกค้า
4. เครื่องมือช่วยใน Revenue Management

การตั้งราคาห้องพักอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยเครื่องมือช่วยในการบริหารรายได้ เช่น Revenue Management System (RMS) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ เช่น ข้อมูลการจองย้อนหลัง, แนวโน้มของตลาด, การคาดการณ์อัตราการเข้าพัก และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โรงแรมสามารถตัดสินใจตั้งราคาได้อย่างแม่นยำ
การตั้งราคาห้องพักไม่ใช่แค่การกำหนดราคาตามความรู้สึก แต่ต้องอาศัยข้อมูลและกลยุทธ์ที่ชัดเจน การนำ Revenue Management มาใช้ จะช่วยให้โรงแรมเพิ่มยอดขาย ลดการพึ่งพา OTAs และสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าในระยะยาว การใช้เครื่องมือและกลยุทธ์ที่เหมาะสม จะช่วยให้โรงแรมสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จในธุรกิจโรงแรม
หากคุณกำลังมองหาระบบที่รองรับ Revenue Management เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารธุรกิจโรงแรมของคุณให้ประสบความสำเร็จ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ คลิกที่นี่